Brain-machine เทคโนโลยีเชื่อมโยงสมองมนุษย์เข้า AI
Brain-machine เทคโนโลยีเชื่อมโยงสมองมนุษย์เข้า AI
เนื้อหา
เทคโนโลยีในอนาคต 10 ปีข้างหน้าที่น่าตื่นเต้นกำลังจะเกิดขึ้นจริงแล้ว Brain-machine คือเทคโนโลยีใหม่ที่จะเชื่อมมนุษย์กับ AI เข้าด้วยกันแบบที่เราเคยเห็นกันในภาพยนตร์ Sci-Fi สุดล้ำ หากนึกภาพไม่ออกว่า Brain-machine นี้เป็นอย่างไร ให้นึกถึงตัวละครที่สวมหมวกใยประสาทสั่งการเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ได้ ตัวละครที่มีการฝังชิปลงในสมองเพื่อแลกเปลี่ยนและเก็บข้อมูล รวมถึงตัวละครที่มีบางส่วนของร่างกายเป็นหุ่นยนต์กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือบริษัท Neuralink ของ Elon Musk ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี Brain-machine โดยเฉพาะ มีความตั้งใจที่จะสร้างเทคโนโลยีเชื่อมโยงสมองของมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ
โครงการแรก Neuralink ตั้งใจที่จะฝังชิปที่มีสายสื่อประสาทลงไปในสมองของมนุษย์และแปรสัญญาณให้สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรได้จริง นอกจากนี้ ยังตั้งใจให้สามารถ Upload ข้อมูลจากสมองเก็บเอาไว้ในชิปรวมถึงดาวน์โหลดชุดข้อมูลเข้าสู่สมองได้อีกด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวหรือผู้ที่พิการทางอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โครงการนี้มีความคืบหน้าไปไกลโดย
- สามารถสร้างสายสื่อประสาท (Threads) ได้สำเร็จและใช้งานได้จริง
- สามารถสร้างชิปสำหรับอ่านข้อมูลในสมองได้สำเร็จ
- สร้างหุ่นยนต์ผ่าตัดฝังชิปลงในสมองที่มีความแม่นยำสูงได้สำเร็จ
เทคโนโลยีของ Neuralink ได้มีการทดลองฝังชิปลงสมองของสัตว์อย่างหนูทดลองและหมูทดลองสำเร็จ รวมทั้งยังอยู่ในขั้นของการพัฒนาต่อก่อนเริ่มทดลองใช้กับมนุษย์ ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปีถือว่า Neuralink สามารถพัฒนาเทคโนโลยี Brain-machine ได้อย่างรวดเร็วและยังมีบริษัทอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังพัฒนาเช่นกัน จึงคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าเทคโนโลยีนี้จะเสร็จสมบูรณ์และพร้อมที่จะเปลี่ยนโลก
Brain-Machine สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของมนุษย์อย่างมากและสามารถสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในวงการแพทย์ที่จะช่วยรักษาโรคทางสมองและระบบประสาทได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการความจำเสื่อม โรคซึมเศร้า โรคตาบอดหูหนวกที่เกิดจากอาการทางสมอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเต็มอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยที่พิการหรือผู้ที่สูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุได้โดยการเชื่อมโยงระบบประสาทกับอวัยวะเทียมและสั่งการส่วนที่เป็นหุ่นยนต์ราวกับอวัยวะปกติ
นอกเหนือไปจากด้านการแพทย์แล้ว เทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้เช่นกัน โดยมนุษย์จะสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งของเครื่องจักรต่างๆ ได้ และเทคโนโลยีนี้ยังสามารถช่วยฟื้นฟูด้านจิตใจได้ด้วยการอัปโหลดข้อมูลของผู้คนเก็บเอาไว้และสร้างตัวตนเสมือนจริงจากข้อมูลความทรงจำของคนได้อีกด้วย
ทัศนคติ
ดิฉันนางสาวอังศุมาลี กล่อมจิตร เลขที่ 31 ชั้น ม.6/2 ทัศนคติของฉันต่อเทคโนโลยีนี้ก็คือ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบุคคลากรทางการแพทย์จะเป็นหุ่นยนต์ที่ทดลองในการรักษามนุษย์นั่นเอง โดยจะเป็นการที่่ทำให้บุคคลากรทางการแพทย์ได้คิดค้นการรักษาโรคใหม่ๆต่างๆได้เพิ่มขึ้น มีแนวทางการรักษาโรคให้กับมนุษย์เพิ่มขึ้นซึ่งจัส่งผลดีต่อประชากรที่จะมีอัตราการตายน้อยลงนั่นเอง
Comments
Post a Comment